รีวิวงานพิเศษในญี่ปุ่น Part 2
มาดูการรีวิวงานพิเศษที่ญี่ปุ่น(ร้านอุด้ง)แบบโหดมันฮาน้ำตาไหลกันค่ะ

こんにちは^^สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะคะ หลังจากที่โพสต์รีวิวการทำงานพิเศษในญี่ปุ่นไปแล้วได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก ดิฉันเลยต้องรีบปั่นตอนต่อออกมาเพื่อให้ทันใจทุกคน 😂 ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณมากๆนะคะที่ให้ความสนใจ ใครที่อยากจะคุยหรืออยากจะเม้าท์อะไรเพิ่มก็ไปคุยกันต่อได้ที่ Facebook เลยนะคะ💕💕 สำหรับตอนต่อไปวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับคนค่ะ มีทั้งคนแบบที่เราไม่ชอบ และคนแบบที่เราหลงรัก >< อ้ายยย เขินนน เรื่องราวจะเป็นยังไงนั้นไปดูกันเลยค่ะ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน Part แรกไปอ่านได้ที่ https://nanajapanista.com/lifeinjapan1/
สารบัญ
ตอนที่ 4 เพื่อนร่วมงานแปลก ๆ ในร้าน
🌸ตอนที่ 4 เพื่อนร่วมงานแปลก ๆ ในร้าน🌸
หลังจากที่เข้ามาทำงานในร้านอุด้งนี้ได้ครึ่งปี เราก็เริ่มชินกับการทำงานที่ร้าน เริ่มเปลี่ยนจากะเช้ามาลงกะบ่ายบ้าง ทำให้ได้เจอกับเพื่อน ๆ วัยใกล้เคียงกันบ้าง พอได้เข้างานตรงกันบ่อย ๆ ทำให้เรามีเพื่อนสนิทประมาณ 3 คน นั่นคือ
1.ริจัง สาวเปรี้ยวผมสั้นปากแดง พูดตรงแต่ใจดี💄
2. พี่กล้าม นักศึกษาปี 4 ตัวโตกล้ามใหญ่หัวใจดงบังชินกิ(แกเป็นแฟนคลับจ้า ร้องได้ทุกเพลง)💪
3.นัทจัง สาวท้วมตาหวาน ชอบกินอุด้งเมนูใหม่เป็นชีวิตจิตใจ 🍜

บน :พี่กล้ามและโปรตีนของเขา ซ้ายล่าง:นัทจัง ขวาล่าง : ริจัง
คำว่า “สนิท”ไม่ได้หมายความว่าเรา 4 คน ชอบออกไปกินข้าวด้วยกันบ่อยๆ แต่หมายความว่าพวกเรา 4 คนชอบทำงานร่วมกันมากๆ วันไหนที่ได้กะตรงกันทั้งหมดเหมือนสวรรค์ 🍜 แต่วันไหนที่มีคนใดคนหนึ่งจะต้องเข้ากะแบบสองต่อสองกับ “ลุงมัทสึ”ละก็ พวกเราจะไปแอบให้กำลังใจกันที่หลังร้าน อยากรู้เหตุผลไหมคะว่าทำไม เดี๋ยวเราจะเล่าเรื่องของลุงคนนี้ให้ฟัง
“ลุงมัทสึ” เป็นชายหนุ่มวัยกลางคน 👨เราไม่เคยถามอายุแต่คิดว่าน่าจะประมาณ 40 กว่า เอาจริงๆเรียกอาก็ได้ แต่พฤติกรรมของแกลุงมากกกก แกจะทำตัวเหมือนว่าแกยุ่งอยู่ตลอดเวลา พฤติกรรมที่หลายๆคนไม่ค่อยชอบคือการที่แกถกแขนเสื้อให้เห็นขนรักแร้รอมแรมออกมา ไม่รู้ว่าอยากอวดกล้ามแข่งกับพี่กล้ามหรือเปล่า 😂💪 แต่ถ้าเราเห็นคนลวกเส้นแบบนั้นเราไม่อยากกิน 😂😂 อีกพฤติกรรมหนึ่งที่ไม่มีใครชอบเลยนั่นคือแกชอบโดดงานแบบเนียนๆ อยู่ดีๆแกก็จะมาบอกว่า “เดี๋ยวขอเข้าไปเช็คของในห้องสต๊อกก่อน” ซึ่งมันไม่จำเป็นเพราะการเช็คของในห้องสต๊อกมันต้องทำก่อนปิดร้าน แกจะมาทำตอนบ่ายสองทำไมมม >< แกจะชอบเลือกทำในเวลาที่มีคนเข้ากะแค่ 2 คน และคนที่เข้ากะด้วยกันนั้นเป็นนักศึกษาหรือเด็กกว่าแก (ในห้องสต๊อกมีเก้าอี้ มีแอร์ค่ะ เย็นสบาย ในตัวร้านนั่งไม่ได้ต้องยืนตลอด)เราเจออย่างนี้ประมาณ 5 รอบ ขอไปเช็คสต๊อกบ้าง อยู่ๆบอกว่าจะไปห้องน้ำแล้วหายไปประมาณ 20 นาทีบ้าง ปล่อยให้เราวิ่งวนอยู่ในร้านคนเดียว ตั้งแต่รับออเดอร์ ลวกเส้น คิดเงิน ล้างจาน เติมของ เช็ดโต๊ะ ฯลฯ แล้วเวลาแกกลับมาแกก็จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 😂

ถ้าจะขี้เกียจอย่างเดียว พวกเราก็คงแค่รู้สึกไม่ชอบที่แกขี้เกียจ แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำให้แก่เป็นที่น่ารังเกียจก็คือ “การแอบเนียนแต๊ะอั๋ง” 👎👎👎เราเคยโดน 2 ครั้ง ตอนที่กำลังคิดตังค์อยู่ คือที่เคาน์เตอร์คิดตังค์มันก็จะมีที่ให้วางของทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เวลามีคนล้างจานอยู่ข้างหลังเวลาเรากำลังคิดตังค์ การเอื้อมไปวางของที่ด้านขวาจะเป็นสิ่งที่ไม่สะดวกมากเพราะคนที่จะวางมันจะต้องเอื้อมมือผ่านเราไปไม่ว่าจะเป็นข้างหน้าหรือข้างหลัง คนส่วนใหญ่ก็ต้องเลือกที่จะวางด้านซ้ายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องโดนตัวคนที่กำลังคิดตังค์อยู่👏 วันนั้นเรากำลังคิดตังค์อยู่เป็นช่วงกลางวันที่ยุ่งมาก ๆ “ลุงมัทสึ”ก็เข้าไปเติมขิงบดหลังร้าน แล้วพอตอนจะเอามาวาง ตอนแรกเราเห็นแล้วว่าแกกำลังจะวางที่ด้านซ้ายเคาน์เตอร์ แล้วจู่ ๆ แกก็เปลี่ยนมาวางด้านขวา คือแขนแกโอบหลังเราเลย ยังจำความรู้สึกขยะแขยงนั้นได้เป็นอย่างดี อี๋มากกกก😵😵😵😵 แต่คือ ณ ตอนนั้นเราก็ไม่แน่ใจว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เขาอาจจะยุ่งๆก็เลยไม่รู้ตัวก็ได้ (โลกสวยมากแม่ 😂)แต่พอเราโดนอย่างนี้ 2 ครั้ง เราเริ่มรู้สึกแล้วว่าอย่างนี้ไม่โอเค เราเลยเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้จัดการ ผู้จัดการก็รับเรื่องไว้แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะลองเรียกมาสอบถามดู เพราะพนักงานคนอื่นก็ร้องเรียนมาเหมือนกันว่าไม่สบายใจที่ต้องทำงานกับคนนี้ เอาจริงๆตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ผลเลยว่าหลังจากนั้นแล้วเขาโดนอะไรบ้าง เพราะหลังจากที่ร้องเรียนไปไม่นานเราก็ลาออกไป

ที่เรามาพูด เราไม่ได้อยากให้ทุกคนมองผู้ชายญี่ปุ่นวัยกลางคนว่าเป็นคนหื่นหรือเป็นคนน่ารังเกียจ แต่เราอยากบอกให้ระวังตัว ถ้าเจออะไรแบบนี้ห้ามเงียบ ให้บอกใครสักคนนึงที่เราไว้ใจ ถ้าเกิดเขาไม่รับฟังเรา ให้ลาออก เพราะเราต้องปกป้องตัวเองไว้ก่อนนะคะ 💕💕
ตอนที่ 5 เรื่องเลิฟ ๆ ในร้านอุด้ง
🌸ตอนที่ 5 เรื่องเลิฟ ๆ ในร้านอุด้ง🌸
ตอนนี้เราคิดว่าเป็นตอนที่หลาย ๆ คนรอฟังมากที่สุด และเป็นตอนที่เราเองก็อยากเล่ามากที่สุด 💗💗💗 ช่วง 2 เดือนแรกของการทำงานเราลงแต่วันธรรมดากะเช้าถึงบ่ายโมง ทำให้เราไม่เคยเจอคนที่ทำกะบ่าย มีอยู่วันนึงเป็นวันที่มีคนกะบ่ายโทรมาขอลา ผู้จัดการร้านก็เข้ามาถามที่ครัวว่ามีใครอยู่ต่อได้บ้างสัก 1 ชั่วโมง เผอิญวันนั้นเราก็ไม่มีธุระอะไรก็เลยบอกไปว่า “หนูอยู่ได้ค่ะ” และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกับ “น้องภูผา”
พอเราบอกผู้จัดการร้านว่าเราจะอยู่ต่อ ผู้จัดการก็ปล่อยเราไปพักทานข้าวประมาณ 45 นาที พอเราเข้าไปในห้องพักอันคับแคบ เราก็เจอเด็กผู้ชายคนหนึ่งใส่หน้ากากอนามัยนั่งอยู่ พอเขาเห็นเราเขาก็รีบลุกขึ้น แล้วถามเราด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “อยากนั่งมั้ยครับ” เราก็ปฏิเสธไปแล้วบอกว่ามาเอากระเป๋าสตางค์ เราเหลือบไปเห็นป้ายชื่อเขา เราเลยรู้ว่าเราไม่เคยเจอคนนี้มาก่อนก็เลยแนะนำตัวไป เขาก็แนะนำตัวกลับมา ซึ่งในชื่อของเขามีคำว่าที่แปลว่า “โขดหิน” (ตอนเราเริ่มรู้สึกชอบ เราเลยแอบตั้งฉายาภาษาไทยให้เขาว่า “น้องภูผา”) แต่ตอนนั้นก็ยังไม่เห็นหน้าอยู่ดีเพราะว่าเขาใส่หน้ากากอนามัยอยู่ แอบเดาหน้าเขาไปเรื่อย แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไร เขาก็ออกไปทำงาน ส่วนเราก็ออกไปพัก หอพักเสร็จเราก็กลับมาทำงาน ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกันเยอะเท่าไหร่เขาทำงานกันคนละที่ แต่คราวนี้เป็นคิวของน้องภูผาที่จะได้ออกไปพัก น้องภูผาก็มาซื้ออุด้งด้วยส่วนลดพนักงาน และก่อนจะจ่ายตังค์น้องก็ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด มันคือ น้องถอดหน้ากากอนามัย !!!!!! เราที่ทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์ น่าจะอึ้งไปประมาณ 2 วิ น้องภูผามีตาสีน้ำตาล มีรอยยิ้มที่กว้าง ยิ้มทีตาเป็นสระอิ แกกกก คือมันน่ารักมากกกกก💕💕💕 ร้านอุด้งที่ปกติดูไม่ค่อยสะอาด ดูสว่างไสวขึ้นมาทันทีเมื่อน้องภูผายิ้ม✨ แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้มีความรู้สึกที่ว่าชอบหรืออะไร แค่รู้สึกว่าเค้าน่ารักดีก็แค่นั้นเอง
หลังจากนั้นไม่แน่ใจว่าด้วยความบังเอิญหรืออะไร หรืออาจจะเป็นเพราะคาบเรียนเช้าเราเยอะ ต้องเปลี่ยนมาเข้าตอนบ่ายด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ เราได้เข้ากะตรงกับน้องภูผามากขึ้น ทำงานเข้าขากันได้ดีและน้องภูผาก็สอนงานครัวเราหลายอย่างมาก เหตุการณ์จากวันที่เจอกันครั้งแรกผ่านไปได้ประมาณเดือนนึง เป็นอีกวันที่ได้พักตรงกับน้องภูผา เราก็เข้าไปห้องพักพนักงานแคบ ๆ (แคบเท่า 1 บานประตูค่ะ แคบมากกก แคบชนิดที่ว่าเดินสวนกันต้องตะแคงเอา😂) น้องภูผาก็เข้ามาเหมือนกัน วันนั้นลูกค้าเยอะ เราเลยต้องพักในห้องตลอด 1 ชั่วโมง พักกับน้องภูผาาาาาา กรี๊ดดดด 💗 ตอนนั้นถึงจะยังไม่ได้รู้สึกอะไรแต่มันก็อดใจเต้นไม่ได้ แต่วันนั้นมันทำให้เรารู้ว่ามหาวิทยาลัยของเรากับน้องภูผาอยู่ใกล้กันมาก เดินแปปเดียวถึง เราคุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนที่น้องภูผาจะของีบ 💤💤 เราก็เล่นมือถือไปจนใกล้เวลากลับเข้าทำงาน น้องภูผาก็ตื่นมาเตรียมตัวใส่หมวก ใส่ผ้ากันเปื้อน เราก็เอามือถือไปเก็บแล้วกำลังจะออกไปจากห้อง แต่เผอิญดันไปเห็นปกคอเสื้อด้านหลังของน้องภูผาที่พับออก เราเลยบอกไปว่า“ปกเสื้อตรงนั้นมันแปลก ๆ นะคะ” น้องภูผาก็พยายามจะพับแต่คงมองไม่เห็น เราที่ไม่ได้คิดอะไรเลยก็ยื่นมือไปแก้ปกเสื้อแล้วบอกว่า “โอเคแล้วค่ะ” น้องภูผากันมาขอบคุณแต่คือมือเรายังอยู่ที่ปกเสื้อ …..
คุณพี่นึกถึงความใกล้ออกมั้ยคะ ถ้ามือคุณพี่อยู่บนปกคอเสื้อใครซักคน คุณพี่่นึกถึงความใกล้ออกใช่มั้ยคะ😚😚 ตอนนั้นเราเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าใกล้ ยิ้มอันสดใสของน้องภูผาอยู่ใกล้เรามาก มันช่างสว่างสไวซะจนใจหาย💕 แต่ยังไม่ทันได้มโนไปไกล นาฬิกาเตือนเวลาเข้างานก็ดังขึ้นซะก่อน น้องก็ขอตัวออกไปก่อน เราที่ยังอยู่ในห้องคือรีบจับชีพจรตัวเองดูเลยค่ะ แล้วพบว่าชีพจรเต้นเร็วมาก
ถ้าไม่ได้ดูหนังผี ถ้าไม่ได้ตกใจอะไรมาก็ชัดละค่ะ
.
.
.
ดิฉันแอบหลงรักน้องภูผาเข้าแล้ว 💕
.
.
.

เดท(?)แรกกับน้องภูผา
จากนั้นทุกครั้งที่คุยกับน้องภูผา คือเราต้องเก็บอาการมากเพราะเขิน กลัวออกอาการแล้วเค้าจะหนีไป 😂 เราได้มีโอกาสชวนน้องไปทานข้าว(น่าจะประมาณเดือนกันยาตุลาค่ะ)ด้วยการใช้เหตุผลที่ว่า “ตอนกลางวันคนที่โรงอาหารมหาลัยเยอะมากเลย ถ้าแถว ๆ มอมีร้านอร่อย ๆ ช่วยแนะนำหน่อยนะ” ซึ่่งพอน้องแนะนำมา เราเลยเนียน ๆ บอกว่า “งั้นไปกัน” แล้วกลับไปทำงานต่อ 😂 น้องภูผาก็คงจะงง ๆ แต่พอตอนกลางคืนน้องก็ไลน์มาถามว่าจะไปวันไหนเมื่อไหร่ดี จำได้ว่าตอนเห็นน้องไลน์มาคือกรี๊ดกับหมอนจนรูมเมทมาเคาะห้องถามว่าเป็นอะไร 😂 เรานัดกันหลังเลิกเรียนของวันธรรมดาวันหนึ่ง โดยนัดเจอกันที่สถานีรถไฟเพราะดิฉันไม่สามารถเดินไปร้านด้วยตัวเองได้ เนื่องจากหลงทางเก่ง 😂 น้องภูผาเลยอาสาพาไป เรื่องที่ขำมากคือพอไปถึงร้านปุ๊ป เปิดประตูเข้าไป อิชั้นเจอเพื่อนตัวเองนั่งเป็นสิบ ๆ คนเลยค่าาาาา เราไม่ได้บอกใครนะเรื่องเดทวันนั้น เพื่อนก็น่าจะบังเอิญนัดกินข้าวกันที่นั่นพอดี 😚 เขินก็เขิน เพื่อนก็ชะโงกมาดูเป็นพัก ๆ 😂 พอถึงตอนกลับ เราถ่ายรูปให้กันคนละใบ (แต่ลืมถ่ายรูปคู่ค่ะTT____TTเศร้ามาก) แล้วน้องภูผาก็เดินมาส่งเราที่สถานีแล้วแยกกันไป

ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารหน้าตาแปลกค่ะ แปลกจริง 😂
ครั้งต่อมาที่เรากลับไปทำงาน เราได้เข้าตรงกับน้องภูผาและพี่กล้าม เรารู้สึกว่าน้องภูผาคุยกับเรามากขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานมากกกก 💕 จังหวะนี้ป้าจะด่าจะว่าอะไรคงยิ้มรับ เพราะโลกตอนนั้นสดใสมากก พอน้องภูผาไปพักก็เหลือเรากับพี่กล้ามเพื่อนรัก พี่กล้ามพูดกับเราว่า “แปลกดี ไม่ค่อยเห็นภูผาคุยกับผู้หญิงเยอะ ๆ ขนาดนี้มาก่อน” แหม่ กล้ามมมม กล้ามจะพูดให้เรามโนทำไมมม
วันเวลาผ่านไปก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เราได้ไปเที่ยวกับน้องภูผาที่ย่านการค้าแห่งหนึ่งเพื่อไปฉลองวันเกิดย้อนหลัง ด้วยความที่น้องเป็นคนใจดี เราเลยไม่รู้ว่าที่น้องยอมมาด้วยเพราะน้องใจดีรึเปล่าหรือว่าน้องก็แอบมีใจให้เราเบา ๆ 😂 เรื่องไลน์ ก็อย่างที่หลายท่านทราบกันดีค่ะ คนญี่ปุ่นหลายคนชอบดองไลน์ สามวันตอบก็มี ทำให้เราเดาอะไรไม่ได้เลย 😂😂 มีอยู่วันนึงเราเข้ากะตรงกับนัทจัง วันนั้นนัทจังคะยั้นคะยอให้เราไปทานข้าวด้วยหลังเลิกงานมากกก เราก็ยอมไป ไปถึงก็สั่งเครื่องดื่มมาชนแก้ว หลังจากชนแก้วเสร็จ นัทจังก็ยิงคำถามที่ทำให้เครื่องดื่มในปากเราเกือบพุ่งออกมาว่า

อิชั้นกับนัทจังในวันที่ความลับแตก
“นานะจัง ไปเดทกับภูผามาเหรอคะ💗”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด หล่อนรู้ได้ยังไงงง รูปก็ไม่ได้อัปปปป ใครบอกหล่อน 😂 นัทจังคงเห็นหน้าอึ้ง ๆ ของเราเลยรีบอธิบายว่า “คือเรารู้มาจากพี่กล้ามอีกที”
จ้ะ ขอกรี๊ดอีกรอบได้มั้ย กล้ามรู้ได้ไงงงง 😂 มีใครรู้อีกบ้างเนี่ยย หลังจากนั้นนัทจังก็อธิบายให้เราฟังว่า “พี่ืกล้ามถามภูผาว่าเสาร์อาทิตย์ไปทำอะไรมาแล้วภูผาตอบว่าไปเที่ยวกับนานะจังมา แล้วพี่กล้ามนึกว่าเป็นฉัน เลยมาแซวเราว่า เอาเรื่องนะเนี่ยย จีบภูผาเหรอ ฉันก็งง ก็เลยถามไปจนได้คำตอบ เลยรู้ว่าคนที่ไปเที่ยวกับภูผาคือนานะจัง” บอกเลยว่ายังจำความหน้าชาในวันนั้นไดัดี ชามากก ไม่รู้ว่าชาเพราะเขินหรือเพราะอึ้ง นัทจังถามเราว่า ชอบภูผาเหรอ เราบอกนัทจังไปว่าก็ชอบนิดหน่อย😂 ใครจะกล้าไปบอกว่าชอบมากกกกก อยากได้เป็นแฟนนนน ก็ต้องแบบทำตัวเหนียมอายบ้างนิดนึง 😂 หลังจากวันนั้น ถ้าเราได้เข้ากะพร้อมกับน้องภูผา แล้วมีนัทจังหรือพี่กล้ามเข้าด้วยนี่จะแบบกลัวความแตกมากก เพราะสองคนที่รู้ว่าเราชอบน้องภูผาจะชอบส่งซิก ขยิบหูขยิบตา ที่เด็ดสุด ๆ คือหัวหน้างานสั่งให้เราไปฝึกลวกอูด้ง พี่กล้ามเลยพูดว่า “ภูผาไปสอนสิ” โอ้แม่เจ้า 💗💗 หัวใจจะระเบิด แต่ตอนนั้นคิดว่าไม่มีอะไรหรอกมันก็แค่ลวกเส้น ลวกก็ลวกในตะแกรง มันจะมามีฉากหวานซึ้งแบบในละครได้ยังไง
แต่
ดิฉันคิดผิดค่ะ !!!!
หลังจากลวกแบบร้อนเป็นแล้ว น้องภูผาก็สอนการเตรียมเส้นแบบเย็น ซึ่งแบบเย็นเราต้องใช้มือเราจับเส้นแล้วจุ่มลงไปในน้ำที่เย็นจัด ก่อนจะตวัดเส้นขึ้นมาใส่ชามให้สวยงาม ตอนที่จุ่มลงไปก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ตอนที่จะตวัดกลับมาใส่ชามให้สวยเนี่ยทำเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้สักที แล้วแถมน้องภูผาก็ยังเป็นเทรนเนอร์ที่ค่อนข้างเคร่งมากกกก ให้คะแนนเราแค่ 6/10 เท่านั้น(ตอนนั้นแบบว่า ถึงรว้ายก็รัก😂) ตอนนั้นเส้นที่ใช้ฝึกก็เริ่มจะเปื่อย ๆ ยุ่ยๆ น้องภูผาเลยบอกว่า “รอบนี้รอบสุดท้ายนะครับ” จังหวะที่เราหยิบเส้นขึ้นมาและกำลังจะเอาตวัดใส่ชามนั้น ก็มีมือนึงโผล่มารองหลังมือเราไว้และจับเบาๆเพื่อให้เราตวัดเส้นได้ถูกวิธี…… คุณผู้อ่านนึกภาพออกมั้ยคะ ว่าดิฉันกรีดร้องในใจดังแค่ไหน ในหัวตอนนั้นจินตนาการไปไกลมากกก
ทันทีที่มือสัมผัสกัน อิชั้นก็สัมผัสได้ถึงสายใยแห่งรัก ส่งผ่านไปยังเส้นอูด้ง ถ้าเป็นละครก็ต้องชื่อ “มนต์รักอูด้ง” ที่พระเอกและนางเอกพบรักกันด้วยเส้นอูด้ง และเราก็ครองรักกันอย่างยาวนานจนเส้นอูด้งสลาย
”เดี๋ยวผมไปพักก่อนนะครับ” เสียงน้องภูผาที่ดังขึ้นทำให้ดิฉันตื่นจากภวังค์ 😂 เรายังคงฝึกลวกเส้นต่อไปแบบลอยๆ เพราะเขินมากๆ พี่กล้ามที่เห็นว่าเราอยู่ตรงที่ลวกเส้นคนเดียว ก็ชวนเราไปล้างมือและไปเม้าท์หลังเคาน์เตอร์ พี่กล้ามบอกว่า “เราเชียร์เธอนะ !! เราว่าเธอกับน้องภูผาก็ดูน่าจะโอเคอยู่นะ ลองชวนไปเดทแล้วบอกชอบไปเลยมั้ย” ค่ะ ตามสไตล์หนุ่มผู้กล้า แต่เราก็ทำตามคำแนะนำนะ😂 เย็นวันนั้นเราก็ลองไลน์ไปเล่าให้น้องภูผาฟังว่า มีลานสเก็ตมาเปิดแถวๆศูนย์การค้า ไปด้วยกันไหม น้องภูผาก็บอกว่า ถ้าไปได้จะไป ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราเข้างานไม่ค่อยตรงกันเลย เราเลยไม่ได้เจอน้องภูผาเลยสักครั้ง 😭

ลานสเก็ตที่ชวนน้องภูผาไปด้วยกัน
ในที่สุดเราก็ตกลงกันว่าจะเจอกันวันพุธช่วงเย็น เราก็เข้านับถอยหลังอย่างใจจดใจจ่อ เราคุยกับพี่กล้ามว่าถ้าเราจะบอกชอบจริงๆแล้วควรจะบอกยังไง มีการซ้อมหน้ากระจก มีการซ้อมกับรูมเมท มีการหาเสื้อผ้าต่างๆว่าควรจะแต่งตัวยังไง แต่แล้ว 1 สัปดาห์ก่อนที่จะถึงวันนัดเดท น้องภูผาก็ ไลน์มาบอกว่า “วันนี้วิชาที่มหาวิทยาลัย ขอเรียนเสริมสัปดาห์หน้าตอนเย็น 1 ชั่วโมงครับ ผมขอโทษจริงๆ น่าจะไปไม่ได้แล้ว” ตอนเราเห็นไลน์นั้นเราก็แอบใจแป้วนิดหน่อย แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรไม่นัดวันนี้เดี๋ยวก็นัดวันใหม่ก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่กล้าถามว่าน้องภูผาจะว่างอีกเมื่อไหร่ และก็ไม่มีข้อความอะไรจากน้องภูผาเรื่องการเดทครั้งต่อไปเช่นกัน แม้จะเจอกันที่ร้านอุด้ง เราก็เลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้ เช่นเดียวกับที่น้องภูผาก็น่าที่จะเลือกไม่พูดเรื่องนี้เช่นกัน ตอนนั้นเราไม่รู้เหตุผลหรอกว่าทำไม 😭 แต่รู้ว่าตัวเองนอยด์มาก ๆ

ใครเค้าอกหักแล้วต้องไปร้านเหล้า นี่ !! หนีไปฮอกไกโด
ผ่านเหตุการณ์เลื่อนเดทไปประมาณ 2 อาทิตย์ ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เราที่กำลังรู้สึกแย่บวกกับช่วงนั้นเริ่มหนาวเลยตัดสินใจจองตั๋วดิ่งไปฮอกไกโด ไปมันคนเดียวนี่แหละ ประชดความเหงา ประชดความหนาว ประชดคู่รัก ประชดมันให้หมดดดดด (รอกระทู้ได้เลยค่ะ กระทู้เที่ยวแบบโสดๆเหงาๆที่ฮอกไกโด 😂 ) เราคิดแล้วว่าจะตัดใจแล้วจะไม่ชอบน้องอีกต่อไป ตอนเราไปเที่ยวเราก็สนุกดีนะ เฮฮามากๆพยายามไม่คิดอะไร มันไม่ถึงขั้นว่าอกหัก แต่เราแค่ไม่เข้าใจ และอาจจะไม่ชอบความคลุมเครือที่มันเกิดขึ้น หลังจากกลับมาจากฮอกไกโด วันต่อมาเรามาเจอ “ริจัง” เพื่อที่จะเอาของฝากมา ริจังยังไม่รู้เรื่องเรากับภูผาก็คงมีเซนส์มั้ง ประกอบกับบางครั้งเราก็โพสต์อะไรดราม่าในสตอรี่ Instagram 😂 ทำให้คำถามแรกที่ริจังถามเราตอนเจอหน้าคือ “แกแอบชอบใคร” เราก็บอกว่าก็ลองทายสิ แล้วริจังก็บอกว่า “ภูผา” เฮ้อออ ทำไมทุกคนรู้ แต่ภูผาไม่รู้ 😂😂 เราก็ตกใจนะว่ารู้ได้ไง แต่ริจังบอกว่า “ไม่รู้หรอก แค่ไล่ตามตัวอักษรเฉยๆ 😂” โป๊ะมากกกก หลังจากนั้นริจังก็แอบงอนเล็กน้อยที่เราไม่ยอมบอกตั้งนานแล้ว แต่การที่ริจังรู้เรื่องราวในวันนั้น ก็ทำให้เราได้รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับน้องภูผาเช่นกันนั่นคือ

เจอกับริจังวันที่ 31 ธันวาคม~ยังจำได้ดีย์
“แกรู้หรือเปล่า ว่าน้องเขามีคนที่ชอบอยู่ น่าจะชอบมาประมาณหลายปีแล้ว ชอบตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ภูผาเคยไปสารภาพรักกับเด็กคนนั้น แต่นางปฏิเสธ นางบอกว่า ถ้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับนางได้ นางจะตอบตกลง ซึ่งมหาวิทยาลัยที่นางเข้าได้นั้นอยู่โตเกียวระดับค่อนข้างท็อป ภูผามันไปสอบตั้ง 2 รอบ แต่ก็ตกทั้ง 2 รอบเลย มันบอกว่ามันยังไม่ถอดใจหรอก แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันปิดใจ เพียงแต่มันชอบคนคนนั้นมากก็แค่นั้นเอง”
อืมม เราแบบว่าอึ้งไปเลย ที่ผ่านมาเขาก็คงพยายามเปิดใจให้เราบ้างแล้วแหละ แต่แค่เรายังไม่ใช่สำหรับเขา มันก็เลยจบลงแบบนี้ เอาจริงๆเราไม่ได้รู้สึกเสียใจแบบฟูมฟายแล้วก็ไม่ได้ร้องไห้ เรารู้ว่าการที่คนเราแอบชอบใครสักคนนึงเป็นเวลานานๆ มันจะต้องเต็มไปด้วยความรู้สึกอะไรหลายๆอย่าง หลังจากฟังเรื่องวันนั้นของน้องภูผาจากริจัง เราตัดสินใจที่จะกลับไปเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกับน้องภูผา และเลือกกรี๊ดน้องภูผาแบบลับ ๆ ประหนึ่งน้องเป็นไอดอลแทน😂 อย่างน้อยก็น่าจะสบายใจกันได้ทุกฝ่าย ซึ่งก็ดูเหมือนว่าน้องก็จะดูสบายกับเราขึ้นมากจริงๆ น้องภูผาเป็นเด็กน่ารัก ขยันและอัธยาศัยดีมากๆ ระหว่างให้น้องได้เจอกับคนรักที่ดีๆ เราจะเป็นกำลังใจให้น้องอย่างนี้ตลอดไป
จากคนเคยแอบรัก อิอิ

รูปคู่ของเรารูปเดียวที่มีกับน้องภูผา
(วันเลี้ยงส่งริจัง นัทจัง พี่กล้าม)
จบไปแล้วนะคะ สำหรับพาร์ทความรักอันยาวนาน เล่าสั้น ๆ แต่ความจริงคือยาวนานเกือบปีเลยค่ะ ในตอนต่อไปตอนสุดท้าย เรามาดูกันค่ะว่า ใครเป็นคนที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจลาออกจากร้าน ขอบอกว่าตอนจบแอบมีน้ำตาแน่นอนค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 💕
ใครที่ิอ่านจบแล้วอยากเมาท์ไปเมาท์กันที่ https://www.facebook.com/japanistanana นะคะ